งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ หรือ งานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์–จุฬาฯ (ชื่อเจ้าภาพขึ้นก่อน) เป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
งานฟุตบอลประเพณีนี้แตกต่างจากกีฬามหาวิทยาลัยโดยทั่วไป
ตรงที่นักกีฬาของทั้งสองฝ่ายไม่จำต้องเป็นนิสิตนักศึกษาปัจจุบันจากทางมหาวิทยาลัยนั้น
ๆ ทว่า
หลายปีที่ผ่านมา แต่ละมหาวิทยาลัยมักให้นิสิตนักศึกษาปัจจุบันและศิษย์เก่าที่เป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยมาแข่งขันกัน[กิจกรรมภายในงานอาจแบ่งเป็น
2
ส่วน คือ การแข่งขันฟุตบอล และกิจกรรมของนิสิตนักศึกษา เช่น
การเดินพาเหรด การเชียร์ การแปรอักษร และขบวนพาเหรดล้อการเมือง ซึ่งเป็นจุดเด่น โดยมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
และรายได้ทั้งหมดจากการจัดงานมอบให้แก่การกุศล
ผลการแข่งขันถึงปัจจุบัน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ชนะ 22 ครั้ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชนะ 16 ครั้ง และเสมอกัน 31 ครั้ง
ประวัติ
งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2477 โดยกลุ่มนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เพื่อสร้างความสามัคคีนิสิตในหมู่นิสิตนักศึกษาทั้งสองมหาวิทยาลัย
เนื่องจากมุมมองของนักเรียนในสมัยก่อนว่า ผู้เข้าศึกษาในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสำเร็จมัธยมศึกษา
ส่วนผู้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (ชื่อในขณะนั้น)
ไม่สำเร็จมัธยมศึกษา ทำให้มีการดูถูกกันหรือไม่สนิทสนมกันเหมือนเดิม
จึงเป็นแรงบันดาลใจให้นิสิตนักศึกษาทั้งสองมหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมสานความสามัคคีและสร้างความปรองดองระหว่างกัน
โดยมีแบบอย่างจากการแข่งขันเรือประเพณีระหว่างมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในสหราชอาณาจักร และการแข่งขันเบสบอลประเพณีระหว่างมหาวิทยาลัยเคโอและมหาวิทยาลัยวาเซดะในประเทศญี่ปุ่น แต่กลุ่มผู้ริเริ่มถนัดและสนใจกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่เมื่ออยู่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
จึงตกลงที่จะจัดการแข่งขันฟุตบอลขึ้น ผู้ริเริ่มฝ่ายจุฬาฯ ประกอบด้วย ประถม ชาญสันต์ เป็นหัวหน้านิสิตคณะอักษรศาสตร์ในขณะนั้น
กับทั้งประสงค์ ชัยพรรค และประยุทธ์
สวัสดิ์สิงห์ เวลานั้น หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ
สวัสดิวัฒน์ นายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทำเรื่องเสนอผ่านกองกิจการนิสิตซึ่งมีหม่อมราชวงศ์สลับ ลดาวัลย์ เป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อขออนุมัติจัดงานจากอธิการบดี
ส่วนผู้ริเริ่มฝ่ายธรรมศาสตร์ คือ ต่อศักดิ์
ยมนาค และบุศย์ สิมะเสถียร ได้ทำเรื่องเสนอเดือน
บุนนาค เลขาธิการมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง
เพื่อขออนุมัติจากผู้ประศาสน์การ เมื่อได้รับฉันทานุมัติจากมหาวิทยาลัยทั้งสองแล้ว
งานก็ได้เริ่มขึ้นโดยมีธรรมศาสตร์เป็นเจ้าภาพ จัดที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2477 และมีการเก็บค่าผ่านประตูคนละ
1 บาท
รายได้ทั้งหมดมอบให้แก่สมาคมปราบวัณโรคซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุดในขณะนั้น ปีต่อมา
ย้ายสถานที่จัดการแข่งขันมายังสนามฟุตบอลโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จนปี 2492 ย้ายมาที่สนามศุภชลาศัยถึงปัจจุบัน
รายได้ที่เหลือจากการหักค่าใช้จ่ายแล้วมอบให้แก่หน่วยงานการกุศลทุกครั้ง จนปี 2521
จึงเริ่มนำรายได้ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย การพระราชทานถ้วยรางวัลมีขึ้นครั้งแรกในปี 2492 เมื่อสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จมาเป็นองค์ประธาน
จนปี 2495 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานและพระราชทานถ้วยรางวัลด้วยพระองค์เอง
แต่ปัจจุบัน โปรดให้ผู้แทนพระองค์มาแทน
มีบางปีไม่จัดงาน เช่น ปี 2485 เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ทั่วกรุงเทพมหานคร, ช่วงปี 2487–2491
เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา, ปี 2494 เกิดกบฏแมนฮัตตัน และช่วงปี 2516–2518 องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เห็นว่า
ฟุ่มเฟือย
เอกลักษณ์เด่น
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การอัญเชิญพระเกี้ยว
การอัญเชิญพระเกี้ยวปรากฏหลักฐานครั้งแรกในหนังสือพิมพ์สยามนิกร
(พิเศษ) ฉบับวันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2507 โดยมีนิสิตหญิง 1 คน
เป็นผู้อัญเชิญ โดยการอัญเชิญพระเกี้ยวเข้ามาสู่สนามการแข่งขันเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่นักกีฬาและกองเชียร์
โดยจะคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นนิสิตชาย 1 คน และ
นิสิตหญิง 1 คน
เพื่อเป็นตัวแทนบรรดานิสิตอัญเชิญพระเกี้ยวเข้าสู่สนามแข่งขัน ถึงแม้ว่านิสิตทุกคนต่างมีฐานะเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยว
แต่เนื่องจากในทางปฏิบัตินั้นไม่สามารถให้ทุกคนเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยวได้
จึงต้องคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นตัวแทนนิสิตเพื่อทำหน้าที่นี้
ผู้นำเชียร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นอกจากจะทำหน้าที่นำเชียร์ ควบคุมจังหวะการร้องเพลงเชียร์ของสแตนด์แล้ว
ยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของนิสิตจุฬา ในการประชาสัมพันธ์งานฟุตบอลประเพณีฯ
และบำเพ็ญประโยชน์แก่สาธารณะอีกด้วย
ในระยะแรกนั้นผู้นำเชียร์หรือประธานเชียร์จะเป็นผู้ให้จังหวะปรบมือแก่กองเชียร์ ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงท่าทางของผู้นำเชียร์ขึ้นใหม่
โดยเน้นหลักการสำคัญของผู้นำเชียร์แห่งจุฬาฯ นั้น มี 5 ประการ ได้แก่
การให้จังหวะ การควบคุมกองเชียร์ ความสวยงาม ความพร้อมเพรียง และรูปแบบในการนำเสนอ
ยมีการแต่งตัวให้สวยงาม สร้างสีสันให้กับสแตนด์เชียร์ การสรรหาผู้นำเชียร์ฯ
จากการเปิดรับสมัครคัดเลือกอย่างเป็นทางการจากนิสิตทั่วไป ไม่จำกัดคณะและชั้นปี
ในแต่ละปีนั้นมีจำนวนผู้ผ่านการคัดเลือกแตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสมของผู้สมัครในปีนั้น
ๆ โดยทั่วไปแล้วมักมีจำนวนเฉลี่ยรุ่นละ 11-13 คน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์
ในอดีตผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำในขบวนอัญเชิญธรรมจักร ถ้วยพระราชทาน
ป้ายนามมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง และดรัมเมเยอร์
ได้มาจากการคัดเลือกเช่นเดียวกับการอัญเชิญพระเกี้ยวของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จนกระทั่งหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาในปี 2516 ประเพณีการคัดเลือกก็ได้งดไป
เนื่องจากถูกมองว่าเป็นความฟุ่มเฟือยและเกิดเป็นที่มาของคำขวัญว่า
"ธรรมจักรเป็นของชาวธรรมศาสตร์ทุกคน ทุกคนจึงมีสิทธิในการอัญเชิญได้"
จึงคงไว้เพียงขบวนอัญเชิญธรรมจักรและรับสมัครทุกคนที่สนใจร่วมแบกเสลี่ยงอัญเชิญโดยไม่มีผู้แทน
จนกระทั่งปี 2544 สมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ฟื้นฟูผู้นำในขบวนอัญเชิญธรรมจักรและดรัมเมเยอร์และทำหน้าที่ในการบำเพ็ญประโยชน์
ตลอดจนการรณรงค์และส่งเสริมให้นักศึกษาร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมกันมากขึ้นกลับมา
ในชื่อว่า "ทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์"
โดยเริ่มตั้งแต่ 2545 เป็นต้นมา
หน้าที่ของทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์คือเป็นตัวแทนนักศึกษาในการนำขบวนพาเหรดทั้งหมดของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้าสู่สนาม
โดยเป็นผู้อัญเชิญป้ายนามมหาวิทยาลัย ถ้วยพระราชทาน
อัญเชิญพานพุ่มนำขบวนอัญเชิญธรรมจักรและดรัมเมเยอร์
รวมถึงการบำเพ็ญประโยชน์ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย
การคัดเลือกทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะพิจารณาถึงทั้งลักษณะ
บุคลิก ความรู้ความสามารถ ทั้งในด้านการเรียน
และในความรู้เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การมีจิตอาสา มีคุณธรรมและพร้อมที่จะช่วยเหลือแก่สังคม
ผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผู้นำเชียร์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เป็นตัวแทนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสำหรับทำหน้านำกองเชียร์ร้องเพลงส่งเสียงเชียร์
ประกอบรหัส สัญญาณ การเคลื่อนไหวร่างกาย หรืออุปกรณ์ เพื่อความพร้อมเพรียง
ความสวยงาม และความสนุกสนานของการเชียร์และแปรอักษร
โดยทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีแนวคิดและต้นแบบแรงบันดาลใจจาก
ผู้ควบคุมวงดนตรีหรือวาทยากรที่ทำหน้าที่นำการเล่นดนตรีวงใหญ่หรือการร้องประสานเสียง
ผู้นำเชียร์นั้นนอกจากจะมีท่วงท่าสง่างาม ยังมีรหัสสัญญาณมือที่สื่อความหมายสามารถประยุกต์ใช้กับการร้องเพลงเป็นหมู่คณะของกองเชียร์
ผลการแข่งขัน
ผลการแข่งขันจนถึงปัจจุบัน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ชนะ 23
ครั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชนะ 16 ครั้ง
และเสมอกัน 31 ครั้ง ดังนี้
ครั้งที่
|
วันที่
|
ผลการแข่งขัน
|
จำนวนประตู
|
1
|
4
ธันวาคม 2477
|
เสมอ
|
1–1
|
2
|
2478
|
เสมอ
|
3–3
|
3
|
2479
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
4–1
|
4
|
2480
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
2–1
|
5
|
11
กุมภาพันธ์ 2481
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
2–1
|
6
|
4
พฤศจิกายน 2482
|
เสมอ
|
0–0
|
7
|
2483
|
เสมอ
|
2–2
|
8
|
7
ธันวาคม 2484
|
จุฬาฯ
ชนะ
|
2–0
|
9
|
2486
|
จุฬาฯ
ชนะ
|
3–1
|
10
|
30
ธันวาคม 2492
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
3–2
|
11
|
30
ธันวาคม 2493
|
จุฬาฯ
ชนะ
|
5–3
|
12
|
27
ธันวาคม 2495
|
เสมอ
|
0–0
|
13
|
19
ธันวาคม 2496
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
3–1
|
14
|
25
ธันวาคม 2497
|
จุฬาฯ
ชนะ
|
1–0
|
15
|
24
ธันวาคม 2498
|
เสมอ
|
2–2
|
16
|
25
ธันวาคม 2499
|
เสมอ
|
0–0
|
17
|
21
ธันวาคม 2500
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
3–1
|
18
|
20
ธันวาคม 2501
|
จุฬาฯ
ชนะ
|
3–2
|
19
|
26
ธันวาคม 2502
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
2–1
|
20
|
27
ธันวาคม 2503
|
เสมอ
|
1–1
|
21
|
23
ธันวาคม 2504
|
เสมอ
|
1–1
|
22
|
22
ธันวาคม 2505
|
เสมอ
|
0–0
|
23
|
8
มกราคม 2507
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
3–1
|
24
|
26
ธันวาคม 2507
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
3–0
|
25
|
25
ธันวาคม 2508
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
2–1
|
26
|
24
ธันวาคม 2509
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
2–0
|
27
|
30
ธันวาคม 2510
|
เสมอ
|
1–1
|
28
|
21
ธันวาคม 2511
|
จุฬาฯ
ชนะ
|
2–0
|
29
|
27
ธันวาคม 2512
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
1–0
|
30
|
30
มกราคม 2514
|
เสมอ
|
0–0
|
31
|
29
มกราคม 2515
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
4–0
|
32
|
23
ธันวาคม 2515
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
2–1
|
33
|
31
มกราคม 2519
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
2–0
|
34
|
21
มกราคม 2521
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
1–0
|
35
|
20
ธันวาคม 2522
|
จุฬาฯ
ชนะ
|
2–0
|
36
|
20
มกราคม 2523
|
เสมอ
|
0–0
|
ครั้งที่
|
วันที่
|
ผลการแข่งขัน
|
จำนวนประตู
|
37
|
31
มกราคม 2524
|
เสมอ
|
1–1
|
38
|
27
มกราคม 2525
|
เสมอ
|
2–2
|
39
|
29
มกราคม 2526
|
เสมอ
|
1–1
|
40
|
21
มกราคม 2527
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
1–0
|
41
|
27
มกราคม 2528
|
เสมอ
|
1–1
|
42
|
26
มกราคม 2529
|
เสมอ
|
1–1
|
43
|
25
มกราคม 2530
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
1–0
|
44
|
30
มกราคม 2531
|
จุฬาฯ
ชนะ
|
2–1
|
45
|
21
มกราคม 2532
|
จุฬาฯ
ชนะ
|
2–0
|
46
|
20
มกราคม 2533
|
เสมอ
|
1–1
|
47
|
19
มกราคม 2534
|
เสมอ
|
0–0
|
48
|
18
มกราคม 2535
|
เสมอ
|
1–1
|
49
|
23
มกราคม 2536
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
2–1
|
50
|
22
มกราคม 2537
|
เสมอ
|
2–2
|
51
|
21
มกราคม 2538
|
จุฬาฯ
ชนะ
|
2–1
|
52
|
20
มกราคม 2539
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
1–0
|
53
|
18
มกราคม 2540
|
เสมอ
|
1–1
|
54
|
7
กุมภาพันธ์ 2541
|
เสมอ
|
0–0
|
55
|
23
มกราคม 2542
|
จุฬาฯ
ชนะ
|
2–1
|
56
|
15
มกราคม 2543
|
เสมอ
|
0–0
|
57
|
20
มกราคม 2544
|
จุฬาฯ
ชนะ
|
2–0
|
58
|
19
มกราคม 2545
|
เสมอ
|
2–2
|
59
|
25
มกราคม 2546
|
เสมอ
|
0–0
|
60
|
24
มกราคม 2547
|
เสมอ
|
0–0
|
61
|
22
มกราคม 2548
|
ธรรมศาสตร์
ชนะ
|
1–0
|
62
|
21
มกราคม 2549
|
จุฬาฯ
ชนะ
|
2–0
|
63
|
20
มกราคม 2550
|
เสมอ
|
1–1
|
64
|
17
พฤษภาคม 2551
|
เสมอ
|
0–0
|
65
|
31
มกราคม 2552
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
2–0
|
66
|
16
มกราคม 2553
|
เสมอ
|
0–0
|
67
|
5
กุมภาพันธ์ 2554
|
จุฬาฯ
ชนะ
|
3–1
|
68
|
25
กุมภาพันธ์ 2555
|
จุฬาฯ
ชนะ
|
1–0
|
69
|
2
กุมภาพันธ์ 2556
|
จุฬาฯ
ชนะ
|
1–0
|
70
|
7
กุมภาพันธ์ 2558
|
ธรรมศาสตร์ชนะ
|
2–0
|
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น