15 กุมภาพันธ์ 2558

งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ หรือ งานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์–จุฬาฯ


           งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯธรรมศาสตร์ หรือ งานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์จุฬาฯ (ชื่อเจ้าภาพขึ้นก่อน)         เป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
           งานฟุตบอลประเพณีนี้แตกต่างจากกีฬามหาวิทยาลัยโดยทั่วไป ตรงที่นักกีฬาของทั้งสองฝ่ายไม่จำต้องเป็นนิสิตนักศึกษาปัจจุบันจากทางมหาวิทยาลัยนั้น ๆ ทว่า หลายปีที่ผ่านมา แต่ละมหาวิทยาลัยมักให้นิสิตนักศึกษาปัจจุบันและศิษย์เก่าที่เป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยมาแข่งขันกัน[กิจกรรมภายในงานอาจแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การแข่งขันฟุตบอล และกิจกรรมของนิสิตนักศึกษา เช่น การเดินพาเหรด การเชียร์ การแปรอักษร และขบวนพาเหรดล้อการเมือง ซึ่งเป็นจุดเด่น โดยมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และรายได้ทั้งหมดจากการจัดงานมอบให้แก่การกุศล
ผลการแข่งขันถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ชนะ 22 ครั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชนะ 16 ครั้ง และเสมอกัน 31 ครั้ง



ประวัติ
        งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯธรรมศาสตร์ ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2477 โดยกลุ่มนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เพื่อสร้างความสามัคคีนิสิตในหมู่นิสิตนักศึกษาทั้งสองมหาวิทยาลัย เนื่องจากมุมมองของนักเรียนในสมัยก่อนว่า ผู้เข้าศึกษาในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสำเร็จมัธยมศึกษา ส่วนผู้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (ชื่อในขณะนั้น) ไม่สำเร็จมัธยมศึกษา ทำให้มีการดูถูกกันหรือไม่สนิทสนมกันเหมือนเดิม จึงเป็นแรงบันดาลใจให้นิสิตนักศึกษาทั้งสองมหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมสานความสามัคคีและสร้างความปรองดองระหว่างกัน โดยมีแบบอย่างจากการแข่งขันเรือประเพณีระหว่างมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในสหราชอาณาจักร และการแข่งขันเบสบอลประเพณีระหว่างมหาวิทยาลัยเคโอและมหาวิทยาลัยวาเซดะในประเทศญี่ปุ่น แต่กลุ่มผู้ริเริ่มถนัดและสนใจกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่เมื่ออยู่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จึงตกลงที่จะจัดการแข่งขันฟุตบอลขึ้น ผู้ริเริ่มฝ่ายจุฬาฯ ประกอบด้วย ประถม ชาญสันต์ เป็นหัวหน้านิสิตคณะอักษรศาสตร์ในขณะนั้น กับทั้งประสงค์ ชัยพรรค และประยุทธ์ สวัสดิ์สิงห์ เวลานั้น หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิวัฒน์ นายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำเรื่องเสนอผ่านกองกิจการนิสิตซึ่งมีหม่อมราชวงศ์สลับ ลดาวัลย์ เป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อขออนุมัติจัดงานจากอธิการบดี ส่วนผู้ริเริ่มฝ่ายธรรมศาสตร์ คือ ต่อศักดิ์ ยมนาค และบุศย์ สิมะเสถียร ได้ทำเรื่องเสนอเดือน บุนนาค เลขาธิการมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง เพื่อขออนุมัติจากผู้ประศาสน์การ เมื่อได้รับฉันทานุมัติจากมหาวิทยาลัยทั้งสองแล้ว งานก็ได้เริ่มขึ้นโดยมีธรรมศาสตร์เป็นเจ้าภาพ จัดที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2477 และมีการเก็บค่าผ่านประตูคนละ 1 บาท รายได้ทั้งหมดมอบให้แก่สมาคมปราบวัณโรคซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุดในขณะนั้น ปีต่อมา ย้ายสถานที่จัดการแข่งขันมายังสนามฟุตบอลโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จนปี 2492 ย้ายมาที่สนามศุภชลาศัยถึงปัจจุบัน รายได้ที่เหลือจากการหักค่าใช้จ่ายแล้วมอบให้แก่หน่วยงานการกุศลทุกครั้ง จนปี 2521 จึงเริ่มนำรายได้ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย การพระราชทานถ้วยรางวัลมีขึ้นครั้งแรกในปี 2492 เมื่อสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จมาเป็นองค์ประธาน จนปี 2495 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานและพระราชทานถ้วยรางวัลด้วยพระองค์เอง แต่ปัจจุบัน โปรดให้ผู้แทนพระองค์มาแทน
มีบางปีไม่จัดงาน เช่น ปี 2485 เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ทั่วกรุงเทพมหานคร, ช่วงปี 2487–2491 เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา, ปี 2494 เกิดกบฏแมนฮัตตัน และช่วงปี 2516–2518 องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เห็นว่า ฟุ่มเฟือย




เอกลักษณ์เด่น
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การอัญเชิญพระเกี้ยว
            การอัญเชิญพระเกี้ยวปรากฏหลักฐานครั้งแรกในหนังสือพิมพ์สยามนิกร (พิเศษ) ฉบับวันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2507 โดยมีนิสิตหญิง 1 คน เป็นผู้อัญเชิญ โดยการอัญเชิญพระเกี้ยวเข้ามาสู่สนามการแข่งขันเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่นักกีฬาและกองเชียร์ โดยจะคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นนิสิตชาย 1 คน และ นิสิตหญิง 1 คน เพื่อเป็นตัวแทนบรรดานิสิตอัญเชิญพระเกี้ยวเข้าสู่สนามแข่งขัน ถึงแม้ว่านิสิตทุกคนต่างมีฐานะเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยว แต่เนื่องจากในทางปฏิบัตินั้นไม่สามารถให้ทุกคนเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยวได้ จึงต้องคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นตัวแทนนิสิตเพื่อทำหน้าที่นี้
ผู้นำเชียร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
        ผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากจะทำหน้าที่นำเชียร์ ควบคุมจังหวะการร้องเพลงเชียร์ของสแตนด์แล้ว ยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของนิสิตจุฬา ในการประชาสัมพันธ์งานฟุตบอลประเพณีฯ และบำเพ็ญประโยชน์แก่สาธารณะอีกด้วย ในระยะแรกนั้นผู้นำเชียร์หรือประธานเชียร์จะเป็นผู้ให้จังหวะปรบมือแก่กองเชียร์ ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงท่าทางของผู้นำเชียร์ขึ้นใหม่ โดยเน้นหลักการสำคัญของผู้นำเชียร์แห่งจุฬาฯ นั้น มี 5 ประการ ได้แก่ การให้จังหวะ การควบคุมกองเชียร์ ความสวยงาม ความพร้อมเพรียง และรูปแบบในการนำเสนอ ยมีการแต่งตัวให้สวยงาม สร้างสีสันให้กับสแตนด์เชียร์ การสรรหาผู้นำเชียร์ฯ จากการเปิดรับสมัครคัดเลือกอย่างเป็นทางการจากนิสิตทั่วไป ไม่จำกัดคณะและชั้นปี ในแต่ละปีนั้นมีจำนวนผู้ผ่านการคัดเลือกแตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสมของผู้สมัครในปีนั้น ๆ โดยทั่วไปแล้วมักมีจำนวนเฉลี่ยรุ่นละ 11-13 คน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์
         ในอดีตผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำในขบวนอัญเชิญธรรมจักร ถ้วยพระราชทาน ป้ายนามมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง และดรัมเมเยอร์ ได้มาจากการคัดเลือกเช่นเดียวกับการอัญเชิญพระเกี้ยวของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนกระทั่งหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาในปี 2516 ประเพณีการคัดเลือกก็ได้งดไป เนื่องจากถูกมองว่าเป็นความฟุ่มเฟือยและเกิดเป็นที่มาของคำขวัญว่า "ธรรมจักรเป็นของชาวธรรมศาสตร์ทุกคน ทุกคนจึงมีสิทธิในการอัญเชิญได้" จึงคงไว้เพียงขบวนอัญเชิญธรรมจักรและรับสมัครทุกคนที่สนใจร่วมแบกเสลี่ยงอัญเชิญโดยไม่มีผู้แทน จนกระทั่งปี 2544 สมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ฟื้นฟูผู้นำในขบวนอัญเชิญธรรมจักรและดรัมเมเยอร์และทำหน้าที่ในการบำเพ็ญประโยชน์ ตลอดจนการรณรงค์และส่งเสริมให้นักศึกษาร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมกันมากขึ้นกลับมา ในชื่อว่า "ทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" โดยเริ่มตั้งแต่ 2545 เป็นต้นมา หน้าที่ของทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์คือเป็นตัวแทนนักศึกษาในการนำขบวนพาเหรดทั้งหมดของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้าสู่สนาม โดยเป็นผู้อัญเชิญป้ายนามมหาวิทยาลัย ถ้วยพระราชทาน อัญเชิญพานพุ่มนำขบวนอัญเชิญธรรมจักรและดรัมเมเยอร์ รวมถึงการบำเพ็ญประโยชน์ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย การคัดเลือกทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะพิจารณาถึงทั้งลักษณะ บุคลิก ความรู้ความสามารถ ทั้งในด้านการเรียน และในความรู้เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การมีจิตอาสา มีคุณธรรมและพร้อมที่จะช่วยเหลือแก่สังคม
ผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
              ผู้นำเชียร์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นตัวแทนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสำหรับทำหน้านำกองเชียร์ร้องเพลงส่งเสียงเชียร์ ประกอบรหัส สัญญาณ การเคลื่อนไหวร่างกาย หรืออุปกรณ์ เพื่อความพร้อมเพรียง ความสวยงาม และความสนุกสนานของการเชียร์และแปรอักษร โดยทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีแนวคิดและต้นแบบแรงบันดาลใจจาก ผู้ควบคุมวงดนตรีหรือวาทยากรที่ทำหน้าที่นำการเล่นดนตรีวงใหญ่หรือการร้องประสานเสียง ผู้นำเชียร์นั้นนอกจากจะมีท่วงท่าสง่างาม ยังมีรหัสสัญญาณมือที่สื่อความหมายสามารถประยุกต์ใช้กับการร้องเพลงเป็นหมู่คณะของกองเชียร์






ผลการแข่งขัน
             ผลการแข่งขันจนถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ชนะ 23 ครั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชนะ 16 ครั้ง และเสมอกัน 31 ครั้ง ดังนี้

ครั้งที่
วันที่
ผลการแข่งขัน
จำนวนประตู
1
4 ธันวาคม 2477
เสมอ
1–1
2
2478
เสมอ
3–3
3
2479
ธรรมศาสตร์ชนะ
4–1
4
2480
ธรรมศาสตร์ชนะ
2–1
5
11 กุมภาพันธ์ 2481
ธรรมศาสตร์ชนะ
2–1
6
4 พฤศจิกายน 2482
เสมอ
0–0
7
2483
เสมอ
2–2
8
7 ธันวาคม 2484
จุฬาฯ ชนะ
2–0
9
2486
จุฬาฯ ชนะ
3–1
10
30 ธันวาคม 2492
ธรรมศาสตร์ชนะ
3–2
11
30 ธันวาคม 2493
จุฬาฯ ชนะ
5–3
12
27 ธันวาคม 2495
เสมอ
0–0
13
19 ธันวาคม 2496
ธรรมศาสตร์ชนะ
3–1
14
25 ธันวาคม 2497
จุฬาฯ ชนะ
1–0
15
24 ธันวาคม 2498
เสมอ
2–2
16
25 ธันวาคม 2499
เสมอ
0–0
17
21 ธันวาคม 2500
ธรรมศาสตร์ชนะ
3–1
18
20 ธันวาคม 2501
จุฬาฯ ชนะ
3–2
19
26 ธันวาคม 2502
ธรรมศาสตร์ชนะ
2–1
20
27 ธันวาคม 2503
เสมอ
1–1
21
23 ธันวาคม 2504
เสมอ
1–1
22
22 ธันวาคม 2505
เสมอ
0–0
23
8 มกราคม 2507
ธรรมศาสตร์ชนะ
3–1
24
26 ธันวาคม 2507
ธรรมศาสตร์ชนะ
3–0
25
25 ธันวาคม 2508
ธรรมศาสตร์ชนะ
2–1
26
24 ธันวาคม 2509
ธรรมศาสตร์ชนะ
2–0
27
30 ธันวาคม 2510
เสมอ
1–1
28
21 ธันวาคม 2511
จุฬาฯ ชนะ
2–0
29
27 ธันวาคม 2512
ธรรมศาสตร์ชนะ
1–0
30
30 มกราคม 2514
เสมอ
0–0
31
29 มกราคม 2515
ธรรมศาสตร์ชนะ
4–0
32
23 ธันวาคม 2515
ธรรมศาสตร์ชนะ
2–1
33
31 มกราคม 2519
ธรรมศาสตร์ชนะ
2–0
34
21 มกราคม 2521
ธรรมศาสตร์ชนะ
1–0
35
20 ธันวาคม 2522
จุฬาฯ ชนะ
2–0
36
20 มกราคม 2523
เสมอ
0–0
ครั้งที่
วันที่
ผลการแข่งขัน
จำนวนประตู
37
31 มกราคม 2524
เสมอ
1–1
38
27 มกราคม 2525
เสมอ
2–2
39
29 มกราคม 2526
เสมอ
1–1
40
21 มกราคม 2527
ธรรมศาสตร์ชนะ
1–0
41
27 มกราคม 2528
เสมอ
1–1
42
26 มกราคม 2529
เสมอ
1–1
43
25 มกราคม 2530
ธรรมศาสตร์ชนะ
1–0
44
30 มกราคม 2531
จุฬาฯ ชนะ
2–1
45
21 มกราคม 2532
จุฬาฯ ชนะ
2–0
46
20 มกราคม 2533
เสมอ
1–1
47
19 มกราคม 2534
เสมอ
0–0
48
18 มกราคม 2535
เสมอ
1–1
49
23 มกราคม 2536
ธรรมศาสตร์ชนะ
2–1
50
22 มกราคม 2537
เสมอ
2–2
51
21 มกราคม 2538
จุฬาฯ ชนะ
2–1
52
20 มกราคม 2539
ธรรมศาสตร์ชนะ
1–0
53
18 มกราคม 2540
เสมอ
1–1
54
7 กุมภาพันธ์ 2541
เสมอ
0–0
55
23 มกราคม 2542
จุฬาฯ ชนะ
2–1
56
15 มกราคม 2543
เสมอ
0–0
57
20 มกราคม 2544
จุฬาฯ ชนะ
2–0
58
19 มกราคม 2545
เสมอ
2–2
59
25 มกราคม 2546
เสมอ
0–0
60
24 มกราคม 2547
เสมอ
0–0
61
22 มกราคม 2548
ธรรมศาสตร์ ชนะ
1–0
62
21 มกราคม 2549
จุฬาฯ ชนะ
2–0
63
20 มกราคม 2550
เสมอ
1–1
64
17 พฤษภาคม 2551
เสมอ
0–0
65
31 มกราคม 2552
ธรรมศาสตร์ชนะ
2–0
66
16 มกราคม 2553
เสมอ
0–0
67
5 กุมภาพันธ์ 2554
จุฬาฯ ชนะ
3–1
68
25 กุมภาพันธ์ 2555
จุฬาฯ ชนะ
1–0
69
2 กุมภาพันธ์ 2556
จุฬาฯ ชนะ
1–0
70
7 กุมภาพันธ์ 2558
ธรรมศาสตร์ชนะ
2–0